การละเล่นผัวเมีย

การละเล่นผัวเมียนี้มันมีมานานแสนนาน สมัยขุนช้างขุนแผนก็มีมาแล้วค้า ว่าแล้วอิฉันจะแปลเหตุการณ์ที่เขาว่าไว้ให้ฟังดังนี้เจ้าค่ะ

“สวดมนต์ฉันเสร็จสำเร็จแล้ว ฝ่ายข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดเรา ขุนข้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่”

พลายแก้วนั้นสวดมนต์เสร็จแล้วกินข้าวเรียบร้อยแล้วนึกอยากเล่นอะไรพิเรนทร์ว่าขึ้นมาว่า เรามาเล่นผัวเมียกันเถิดแม่พิมจ๋า “อิฉันฟังแล้ว อกอิเตี้ยจะแตกเจ้าค่ะ” ฝ่ายขุนช้างได้ยินดังนั้นถูกใจอย่างรุนแรงอยากเล่นผัวเมียกับนางพิมคนสวย นางพิมพ์นะเขาไม่นิยมคนไม่งามก็ต่อว่าขุนช้างไปว่า ไอ้พวกไม่ดูตัว ดูสารรูปตัวเองซิ หล่อเหลากับเขารึก็ไม่ หัวก็ล้าน กูไม่เล่นผัวเมียกับมึงหรอก “เจ้าข้าเอ๋ย คนสวยปากจัดเช่นไร นางพิมก็เป็นเช่นนั้นแล” เขาเล่าต่อไปว่า

“พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวนาง
ตัวข้าจะย่องเข้าไปหา จะไปลักเจ้ามาเสียจากข้าง”

พ่อพลายแก้วรูปหล่อเห็นดังนั้นก็บอกนางพิมไปว่า เล่นเถิดนางพิมไม่เป็นไรหรอกแม่คุณ ให้ขุนช้างเป็นผัว เอาไว้ค่ำพี่จะย่องเข้าไปฉกตัวเจ้ามาจากในมุ้งเอามาเป็นเมียพี่ “แค่ได้ฟังอิฉันก็ตื่นเต้นแล้วเจ้าค่ะ แล้วผู้หญิงที่ไหนจะทนไหวกับเหตุการณ์ที่มันน่าตื่นเต้นเช่นนี้หละเจ้าค่ะ เป็นเมียคนนึง แต่อีกคนทนไม่ได้ไปลักขโมยเมียเขามาให้รู้กันไปข้างนึง“ มาฟังกันต่อค่ะ

“ทั้งสองคนรบเร้าเฝ้าชวนนาง จึงหักใบไม้วางต่างเตียงหมอน
นางฉลาดกวาดทรายกลายเป็นเรือน พูนขึ้นกล่นเกลื่อนดังฟูกหมอน
นางพิมนอนพลางกลางดินดอน เจ้าขุนช้างหัวกล้อนนอนเข้าเคียง
พลายแก้วโดดแหวงเข้าแทรกกลาง ซุกหัวขุนช้างที่กลางเกลี้ยง”

ครานี้ทั้งพ่อพลายแก้ว พ่อขุนช้างต่างก็โน้มน้าวจิตใจนางพิมเป็นการใหญ่ เล่นเถินหนา เล่นเป็นเมียกับพี่นะจ๊ะ สุดท้ายนางพิมก็อ่อนใจ ขุนช้างและพ่อพลายแก้วก็ทำการหักกิ่งไม้ใบไม้มาเอามาปูเป็นเตียงนอน ส่วนนางพิมก็กวาดพื้นที่รอบๆให้ดูเหมือนที่นอน กวาดทรายมากองตรงหัวให้สูงมองดูคล้ายหมอน “ดูสิเจ้าค่ะ จินตนาการของเด็กๆนั้นมันช่างกว้างไกลไปถึงไหนต่อไหน” จากนั้นนางพิมก้มตัวลงนอนขุนช้างไม่รอช้าตามไปนอนเคียงข้าง พ่อพลายแก้วเห็นดังนั้นกระโจนเอาตัวเข้าไปแทรกระหว่างกลาง ซุกไปตรงที่หัวขุนช้างตรงที่มันล้านนั้นแหละค้า “พลายแก้วช่างกล้านัก”

“ขุนช้างทำหลับอยู่ข้างเตียง ฝ่ายนางพิมนอนเคียงเข้าเมียงมอง
ขุนช้างวางรเองก้องกู่โว๊ย ขโมยลักเมียกูจู่จากห้อง
ลุกขึ้นงุนง่านเที่ยวซานร้อง เรียกหาพวกพ้องให้ติดตาม”

ขุนช้างนั้นตีบทแตกแสร้งทำเป็นหลับ ส่วนนางพิมที่นอนอยู่พลายแก้วทำทีเป็นดูนาง “ครานี้ตอนสำคัญ” ขุนช้างผู้ตีบทแตกกระเจิงลุกขึ้นโวยวายว่ามีคนบุกเข้าห้องลักพาเมียของตนนั้นไปเสียแล้วเท่านั้นยังไม่พอทำทีว่าให้คนติดตาม ที่เขาเล่ามาก็จบถึงตอนนี้ นี้แหละค่ะการละเล่นผัวเมีย เห็นไหมค่ะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีอยู่ การละเล่นนี้ยังคงมีอยู่ตั่งแต่อิฉันเด็กเล็กมาจนวันนี้ผมสองสีแล้วเด็กยังคงเล่นกันอยู่

คุณท่านเชื่อเรื่องจิตใจที่สั่งเสียไว้ก่อนตายไหมเจ้าค่ะ คุณยายคนหนึ่งเล่าให้อิฉันฟังว่า “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีที่มา” นางพิมนั้นเกิดมาแล้วชาติหนึ่งรักขุนช้างที่สุด ชาตินั้นขุนช้างช่างหล่อเหลาเอาการรักนางพิมมากแต่ไม่วายทำให้นางช้ำใจ ปันใจไปรักอีกคน ด้วยความตรอมใจนางพิมเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปวัดแห่งหนึ่งที่นางศรัทธาอธิฐานสิ่งใดจะสมหวัง สมัยนั้นไม่ว่าจะช้าง จะเสือมีอยู่ในป่าชุกชุมนางดั้นด้นไปก่อนพระมาเดินบาตรใช้เวลาสามวันจึงถึงที่หมาย ขุนช้างเฝ้าตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ขุนแผนในชาตินั้นรักนางหมดหัวใจแต่นางไม่เคยแลเพราะหัวใจนางมั่นคง นางพิมพนมมืออธิฐานก่อนสิ้นลมในวัดนั้นว่า

“ไม่ว่าจะเกิดมาอีกกี่ภพกี่ชาติลูกขอให้หัวใจลูกไม่แลไม่รัก ให้ชิงชังพี่ช้างจนสุดไป หากวันใดลูกใจอ่อนจะรักเขา ขอให้ความตายจงพรากลูกไปก่อนทุกชาติทุกภพ ขอให้คนรู้ไว้ว่าไม่ว่าภพใดชาติใดลูกจะไม่มีวันรักพี่ช้างอีกเลย” แล้วนางก็สิ้นใจ
คำอธิฐานเป็นจริงเรื่องของนางพิมที่ไม่รักขุนช้างเป็นเรื่องเล่ามาจนถึงทุกวันนี้ค่ะคุณท่าน (เรื่องที่คุณยายเล่านี้ ผู้เขียนเพิ่งแต่งขึ้นมาเองเมื่อซักครู่นี้ อย่าเชื่อนะ)