ชักว่าวแข่งกัน

เรื่องของเรื่องในการเล่นว่าวนั้นมาตั้ง เริ่มมานานหนักหนาแล้ว ดังเช่นบันทึกในพงศาวดารเหนือว่าไว้ว่า พระยาร่วง ท่านชอบการเล่นว่าวเป็นหนักหนา ครั้งนึงว่าวของท่านขาดลอยไปถึงเมืองตองอู พระยาตองอูนั้นเป็นข้าพระยาร่วง ก็คือตองอูตอนนั้นตกอยู่ภายใต้การปกครองของพระยาร่วงนั่นเอง  พระยาร่วงตามไปถึงเมืองตองอูเห็นพระธิดาพระเจ้าตองอูงามนักก็ได้เสียกัน ในเมื่อได้ว่าวแล้วพระยาร่วงก็เสด็จกลับ ลูกสาวจึงบอกแก่พระยาตองอูให้ไปตามพระยาร่วงกลับมา เมื่อพระยาร่วงถึงเมืองสัชนาไลยแล้วก็สั่งพระเจ้าพสุจิกุมาว่าจะไปอาบน้ำถ้าไม่กลับมาก็ขอให้เป็นพระยาแทนพระองค์  และแล้วพระยาร่วงไปอาบน้ำที่กลางแก่งเมืองแล้วก็อันตรธานหายไป ท่านจงดูเถิดว่าเพียงแค่ว่าวตัวเดียวมันช่างมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย บางบ้านแข่งว่าวกินบ้านกินเมือง ต้องถวายลูกเมีย ช้างม้าวัวควายก็มี

เมื่อถึงสมัยอยุธยาการเล่นว่าวโด่งดังขึ้นมาด้วยการนำมาเป็นส่วนหนึ่งในยุทธวิธีทางการทำสงคราม สมัยอยุธยาที่เป็นเมืองเก่าของเรานั่นแล เรื่องนั่นมีอยู่ว่า

ในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ว่าวมิได้ใช้เฉพาะเพื่อความสนุกเท่านั้น ยังใช้ทำสงครามอีกด้วย ตอนที่พระยมราชเจ้าเมืองนครราชสีมาเป็นกบฏพระเพทราชาส่งกองทัพไปปราบแต่ทว่าไม่สำเร็จ

แต่ในครั้งที่สองแม่ทัพอยุธยาคิดเผาเอาเมืองอุบายหนึ่งคือใช้หม้อดินบรรจุดินดำผูกสายป่านว่าวจุฬาไปถึงหม้อดินดำตกระเบิดไปไหม้บ้านเมือง  จากประวัติศาสตร์ตอนนั้นปรากฏเป็นชื่อว่าวจุฬาที่โด่งดังเป็นครั้งแรก สมัยกรุงรัตนโกสินทร์การเล่นว่ายังคงเป็นการละเล่นที่นิยมโดยเฉพาะสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสนับสนุนกีฬาว่าวให้มีการประกวดและแข่งขันว่าวจุฬาและเว่าปักเป้า มีกฎกติกาเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรการเล่นที่ยุติธรรมและสนุกสนานสถานที่เล่นว่าวในเขตกรุงเทพมหานครที่รู้จักกันเป็นอย่างดีตั้งแต่รัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบันคือท้องสนามหลวงซึ่งตอนนี้ท้องสนามหลวงได้ปิดการใช้งานไปแล้วแต่ต่างจังหวัดก็ยังมีการเล่นว่าวด้วยเช่นกัน ถึงแม้กีฬาการเล่นว่าวจะได้ห่างหายไปจากสังคมไทยแต่ก็ยังมีการเล่นอยู่สม่ำเสมอการผลิตว่าวก็ยังคงมีอยู่การทำจากภูมิปัญญาชาวบ้านของคนไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีห้าประเภท

1.การทำเบาะจากวัสดุธรรมชาติใช้ใบตองตึงเป็นวัสดุในการทำว่าว ใบตองตึงนี้เป็นใบไม้ทางภาคอีสานมีขนาดใหญ่เอาไว้ห่ออาหารการทำว่าวลักษณะนี้ทำได้ง่ายมากโดยการนำใบไม้มาต่อเชือกติดหางซึ่งเด็กเด็กชนบทตามภาคต่างๆนิยมทำเล่นเรียกว่าว่าวใบไม้

2. ว่าวกระดาษธรรมชาติหรือกระดาษว่าวว่าวแบบนี้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นโดยการทำกระดาษเป็นรูปตัวว่ามีโครงว่าวซึ่งทำจากไม้ไผ่อาจจะมีการผูกซุงต่อเชือกต่อหางมีการวัดตัวให้สมดุลเช่นว่าประทุนหรือเว่ากระป๋องว่าวอีรุ้งเป็นว่าวไม่มีหางแต่ถ้ามีหางจะเรียกว่าว่าวปักเป้า

3. ที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วมีเสียงเรียกว่าแอคหรือสโนว์หรือธนูทำจากไม้ไผ่ทรงกระบอกส่วนกลางกลวงนำมาติดเข้ากับโครงว่าวบริเวณส่วนหัวของว่าวเมื่อว่าวกินลมบนท้องฟ้าจะมีเสียงดังแอดเสียงจะยาวหรือสั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคการทำแอดว่าแบบนี้เรียกว่าว่าวควายว่าวนกปีกหมอนว่าววงเดือนที่มาเลเซียเรียกว่าวแบบนี้ว่าว่าวบูรันบูแล

4. ว่าวแฝงความเชื่อเครื่องรางของขลังถามว่ารูปผีแต่งด้วยความเชื่อเมื่อชักว่าวขึ้นท้องฟ้าถ้าหากว่าผีนี้ปลิวขาดลงบนหลังคาบ้านใดบ้านนั้นต้องมีการนิมนต์พระมาสวดทำบุญให้ครบเจ็ดวันมิฉะนั้นถือว่าจะโชคร้ายหรือมีเรื่องไม่ดีเข้ามาสู่บ้านลักษณะของว้าวผีส่วนหัวเป็นหน้าผีแลบลิ้นยาว พุงโตเหมือนหนังตะลุงมีแขนมีขาจะดูว่าเป็นผีตัว ผู้หรือตัวเมียให้สังเกตที่อวัยวะเพศมีผ้าสีแดงเรียกว่าตามิ้งปิดอวัยวะเพศเอกลักษณ์ของว่าวอันนี้คือทำให้คนกลัวดูน่ากลัวและติดแอบให้เกิดเสียงเมื่อบินขึ้นอยู่บนท้องฟ้า

5. ว่าวที่มีการออกแบบตกแต่งพิเศษทำให้สวยงามเช่นว่าวแมงปอว่าวงูว่าวสิงห์

ว่าวไทยถือเป็นสิ่งบ่งบอกทางภูมิปัญญาเพราะแต่ละภาคมีการทำว่าวแตกต่างกันส่วนวิธีการเล่นว่าวนั้นส่วนใหญ่จะชักว่าวให้สูงติดลมบนเพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆหรือฟังเสียงว่าวและนอกจากนี้ยังใช้ว่าวชักการต่อสู้บนอากาศหากสายว่าวของใครดึงตัดว่าวอีกตัวได้ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ชนะ

ว่าวพนันในสมัยรัตนโกสินทร์ได้รับความบันเทิงและนิยมอย่างสูงสุดจากเจ้านายสยามไม่เฉพาะนิยมในหมู่เจ้านายเท่านั้นในประชาชนก็ยังนิยมกันด้วยว่าวได้กลายเป็นการเล่นพนันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นนำในพระนครตั้งแต่สมัยรัชกาลที่4และรัชกาลที่5 สนามว่าวที่เป็นที่นิยมนั้นคือสนามว่าวพนันสวนดุสิตรางวัลของสนามพนันนี้คือถ้วยทองพระราชทานเลยทีเดียว  ทุกวันนี้การเล่นว่าวยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายดังเช่นกาลก่อน

แต่ในอัฟกานิสถานกีฬาการเล่นว่าววังเป็นที่นิยมอยู่แม้ต้องเล่นกันบนหลังคาตึกหลังคาบ้านก็ตาม เดิมพันการพนันก็เป็นที่น่ากลัวพนันบ้าน พนันรถ พนันคนใช้ พนันทุกอย่างที่พนันได้ มิแพ้วงการพนันไหนเช่นกัน