ล้อต๊อก-อ่อยต๊อก

เกมเทพที่มากับเหรียญเก่ง

ล้อต๊อกที่จะนำเสนอในวันนี้ ไม่ใช่ชื่อของดาวตลกในตำนาน หรือผู้ที่คนในวงการตลกยกย่องให้เป็น “ครู” หรือศิลปินแห่งชาติ(ไทย)สาขาศิลปะการแสดงที่มีชื่อจริงว่า สวง ทรัพย์สำรวย
แต่เรากำลังจะพูดถึง “ล้อต๊อก” บ้างก็เรียก อ่อยต๊อก หรือเกมโชว์เทพชนิดหนึ่งในสมัยก่อน หรือ การละเล่น หรือ การพนันขันต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งหากใครที่เติบโตมาในยุค 90 อย่างเซียนเกาจิ้ง เชื่อว่าไม่มีใครไม่เคยได้ยิน
ใครมีเหรียญดี บวกฝีมือที่มากกว่า ก็จะได้เปรียบในเกมชนิดนี้ โดยอุปกรณ์ในการเล่นนั้นไม่มีอะไรมาก เพียงมีกระดานเล็กๆ หนึ่งแผ่น กับเหรียญสตางค์สำหรับปล่อยให้ล้อลงไปบนกระดาน
ล้อต๊อก มีมานานเท่าใดไม่ทราบได้ แต่เมื่อเซียนเกาจิ้งรู้ความก็เห็นเด็กโตๆ กว่าเล่นกันแล้ว (เกินห้าสิบปีขึ้นไป) และแน่นอนว่าเซียนเกาจิ้งเองก็เคยเห็นเกมนี้มาแล้วด้วยเช่นกัน
เมื่อพูดกันถึงคำนี้ ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ระบุว่า ล้อต๊อก เป็น “ชื่อการพนันอย่างหนึ่ง
สำหรับวิธีการเล่น ล้อต๊อก นั้นสำหรับยุคผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อนรุ่นพ่อรุ่นอาเคยเล่าให้พ่อและอาฟังต่อๆ กันมาว่า จะนำแผ่นไม้กระดานวางให้ด้านหนึ่งเอียงสูงขึ้น ด้านหนึ่งลาดลงติดกับพื้น โดยใช้ไม้ท่อนหรือหินหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งหนุนไม้กระดานให้ด้านหนึ่งสูงขึ้นการเล่นโดยปล่อยเงินเหรียญให้ “ล้อ” ไปบนกระดานที่วางลาดเอียงไปกับพื้น เพื่อให้เหรียญวิ่งไปข้างหน้า
จากนั้นก็จะขุดหลุมเล็กๆ หนึ่งหลุม ตรงกันข้ามกับกระดาน โดยให้มีระยะห่างประมาณหนึ่งเมตร แล้วให้ผู้เล่นผลัดกันล้อเหรียญจากบนกระดานด้านที่เอียงสูงให้กลิ้งลงไปยังหลุม ถ้าลงก็จะได้หนึ่งคะแนน เมื่อผลัดกันล้อได้คนละห้าครั้ง ก็จะรวมคะแนน ใครได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ และจะได้รับรางวัล ซึ่งก็แล้วแต่จะตกลงกันว่าจะเป็นอะไร
แต่สำหรับวิธีการเล่นสมัยพ่อและอารวมถึงรุ่นเซียนเกาจิ้งนั้น ก็จะเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีการขุดหลุม แต่จะใช้การขีดเส้นเป็นตัวกำหนดเส้นชัยแทน
หากใครล้อเหรียญไปถึงเส้นชัย หรือคาบเส้นชัย หรือใกล้เส้นมากที่สุด แต่ต้องไม่เลยเส้นที่กำหนด จะได้ “ทอย” หรือ “เตี๊ยม” ทุกเหรียญที่ไกลจากเส้นชัย
โดยเจ้าของเหรียญที่ล้อไปไกลที่สุดแต่ต้องไม่เลยเส้นชัยที่กำหนด จะใช้เหรียญของตัวเองทอยไปยังเหรียญที่ใกล้กับเหรียญตัวเองที่สุดก่อน หากทอยถูกก็จะเป็นฝ่าย “กิน” และจะได้ทอยหรือเตี๊ยมเหรียญอื่นๆ ต่อๆ ไป และกินต่อๆ ไป ซึ่งหากใครมีเหรียญดี หรือเหรียญเก่งและสามารถ ก็จะสามารถบังคับเหรียญได้ง่าย
แต่หากทอยหรือเตี๊ยมผิด ก็จะต้องหยุด และเริ่มต้นเล่นกันใหม่
โดยรางวัลของการชนะก็แล้วแต่จะตกลง เซียนเกาจิ้งจำได้ว่า คนรุ่นอาๆ หรือพ่อๆเขาจะใช้ซองบุหรี่เอามาอุปโลกเป็นเงิน ราคาสูงต่ำอยู่ที่ยี่ห้อของบุหรี่นั้นๆ หากเป็นบุหรี่ต่างประเทศราคาก็จะสูงหน่อย และเหรียญที่พวกท่านใช้ก็จะเป็นเหรียญสตางค์รู
พ่อและอาของเซียนเกาจิ้งเคยเล่าให้ฟังว่า เหรียญมีเหรียญเก่งกันคนละหนึ่ง เป็นเหรียญรูในสมัยนั้น ราคาหนึ่งสตางค์ ซึ่งตัวเหรียญจะหน้าเป็นพิเศษ ซึ่งในสมัยนั้นยังเอาไปซื้อขนม หรือลูกอมได้
คุณอาของเซียนเกาจิ้งเคยเล่าว่า และเนื่องด้วยเป็นเหรียญที่มีความหนาและมีน้ำหนักที่ดี จึงบังคับใกล้ไกลได้แม่นพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม นักเล่นล้อต๊อกก็ใช้ว่าจะมีเพียงเหรียญเก่งหรือจะมีคนเก่งเพียงคนเดียว แต่ยังต้องมีทักษะและความสามารถในการล้อเหรียญและบังคับเหรียญที่ดีด้วย ซึ่งเพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกันนั้นต่างก็มีเหรียญเก่งด้วยกันทั้งนั้น
สำหรับรุ่นราวคราวเดียวกับเซียนเกาจิ้งนั้น พวกเราก็ใช้วิธีการเล่นเช่นเดียวกันกับคนรุ่นพ่อรุ่นอา เพียงแต่ในยุคของเซียนเกาจิ้ง พวกเราตกลง “กิน” หาก “ทอย” หรือ “เตี๊ยม” ถูกเหรียญโดยจะได้กินเหรียญเงินเท่ากับราคาเหรียญที่ใช้ หรือแล้วแต่จะตกลง เช่น ตาละบาท ตาละสองบาท หรือห้าบาท เป็นต้น
สนนราคาของรางวัลที่ตกลงพนันกันนั้น มากหรือน้อยขึ้นกับวงและฝีมือของผู้เล่นกลุ่มนั้นๆ
ล้อต๊อก จึงเป็นการละเล่นที่ท้าทาย เป็นเกมเทพ ที่ต้องใช้ความสามารถในการควบคุมเหรียญ และ ”การสร้างเหรียญเก่งของตัวเอง” ในยุคที่เซียนเกาจิ้งยังเป็นวัยละอ่อน และถือเป็นการพนันขันต่อสนุกๆ อย่างหนึ่งของพวกเราในวัยเด็ก

คราวหน้าจะมาพูดถึงเรื่องอะไร คงต้องติดตามนะครับ
เซียนเกาจิ้ง