ยัน ยี เยา ปัก กะเป้า ยิ๊งฉุบ แม่เจ้าประคุณเอ๋ยไม่มีอะไรจะเรียกเสียงฮาจากเด็กๆรุ่นผมได้มากขนาดนี้อีกแล้ว เป้ายิ้งฉุบ เอ้าเป้ายิ้งฉุบในสนามการประลองที่โรงเรียนผมจะไม่มีใครเก่งไปกว่าไอ้ไฝ ที่เรียกเช่นนี้เพราะมันมีไฝที่หน้าเม็ดเป้ง จริงแล้วมันชื่ออะไรไม่มีใครเรียกเราเรียกมันไอ้ไฝ ไอ้ไฝ ไอ้ไฝมันสามารถจะเอาชนะคนทั้งโรงเรียนได้มันอาจจะมีความสามารถในการอ่านใจคนได้หรือมันจะมีเทคนิคพิเศษสำหรับจะออก กระดาษ ค้อน กรรไกร ได้โดยที่มันแพ้น้อยมาก
ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักไอ้เป่ายิ๊งฉุบนี้หรือไม่มันเล่นแบบนี้ครับ เราจะเล่นทีละสองคน ถ้าแบมือเรียกว่ากระดาษ ถ้าทำมือเป็นเลขสองนอนเรียกว่า กรรไกร ถ้ากำมือเรียกว่าค้อน กระดาษจะชนะค้อนเพราะห่อค้อนได้ กระดาษจะแพ้กรรไกรเพราะกรรไกรตัดกระดาษ ส่วนกรรไกรจะแพ้ค้อนเพราะค้อนทุบกรรไกร ไม่ว่าจะออกอะไรก็จะมีใครสักคนแพ้ สักคนชนะ ถ้าออกมาเหมือนกันก็ต้องเริ่มใหม่ คนที่เล่นจะซ่อนมือไว้ด้านหลังต้นคอแล้วพอพูด ยัน ยี เยา ปักกะเป้า ยิ๊งฉุบ จบคำก็ต้องออกมา ถ้ายังเสมอ เสมอก็คือออกเหมือนกัน เราก็จะว่าสั้นๆ เป่ายิ๊งฉุบ โรงเรียนผมชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าสวน เป็นโรงเรียนดังนักเรียนที่มาเรียนที่นี่มีผลการเรียนดี แต่ผมคิดว่าพวกเราอาจต้องการปลดปล่อยเรื่องคร่ำเคร่งกับตำราเรียน จึงหันเหมาทำกิจกรรมเป็นจริงเป็นจังดังเช่นเป่ายิ๊งฉุบข้ามรั้ว คือถ้าเราแข่งกันทั้งโรงเรียนแล้วใครชนะอาจมีนักเรียนโรงเรียนอื่นมาเล่นด้วย มาปราบเซียนพวกผมเรียกกันอย่างนี้
ไอ้ไฝมันชนะทุกคนที่มาแข่งกับมันจนเป็นแชมป์ในโรงเรียน บางคนบอกว่าไอ้ไฝมีความสามารถพิเศษในการเดาใจคนว่าคนนั้นจะออกอะไร แต่ไอ้ไฝมันเก่งเลขมันบอกว่ามันคำนวณเอาว่ามันออกไปเท่านี้ครั้งแล้วผลจะได้อะไร ถ้าออกซ้ำๆอย่างนี้จะเกิดอย่างไร ไอ้ไฝมันเด็กคณิตคิดเร็ว เรื่องนี้น่าจะเชื่อได้ ถ้าไอ้ไฝชนะมันอยากได้อะไรจากคนแพ้จะได้ทุกอย่าง ไม่ว่าข้าวแกง ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวเรือ สมัยนั้นมันอยู่ในเรือจริงๆพวกผมจะไปนั่งกินที่แถวอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิกัน หรือแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวหลอดแถวคลองถมที่ใส่ก้ามปูเป็นก้ามมาเลยครับ สมัยผมนั้นหากินได้ดีนักเชียว ถ้าไอ้ไฝชนะมันจะได้กินทุกอย่าง มันได้แม้กระทั่งคนที่ทำการบ้านให้มัน ผมไม่อยากจะบอกว่าไอ้ไฝกับผมโตมาด้วยกันผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะจนสุดท้ายมันเท่านั้นที่ชนะ เด็กทั้งโรงเรียนยอมมัน บางครั้งรุ่นน้องเดินผ่านมาบอกว่า เป่ายิ๊งฉุบมันก็เล่นด้วย ไอ้ไฝไม่เคยหยิ่งจองหองกับใคร ไม่ว่าเด็กเล็กหรือเด็กโต มันเป็นคนขี้อายแต่มันเก่งคนรู้จักมันทั้งโรงเรียน ถ้าไปเตะบอลครูบอกว่าเป่ายิ๊งฉุบกันว่าใครได้เล่นก่อน ทีมไอ้ไฝได้เล่นก่อนทุกที พวกผมรักมันทุกคน
ครั้งนึงมันต้องตาต้องใจเด็กผู้หญิงโรงเรียนราชินี มันแอบไปยืนมองได้ทุกวัน เธอชื่อว่า วิรัญดา ชื่อสุดแสนจะเพราะไอ้ไฝไม่กล้าไปจีบเขา แต่ขึ้นเรือลำเดียวกับเขาทุกวัน มาโรงเรียนและกลับบ้านมันแอบมองเขาจนรู้ตารางเรียนรู้เวลากลับบ้าน มันเป่ายิ๊งฉุบชนะให้คนแพ้ไปยืนรอคิวขึ้นเรือ พวกผมก็สงสารเดินไปรอกับไอ้ไฝทุกวันจนเด็กโรงเรียนราชินีหวั่นไหวว่าพวกผมมาส่งหัวหน้าแก๊งกลับบ้าน ที่ไหนได้มันอายไม่กล้าคุยพวกผมไปยืนให้กำลังใจ ผมบอกไอ้ไฝว่าชาตินี้มันคงไม่มีความสามารถไปไหนกับ วิรัญดาได้เพราะมันไม่รู้จักใช้ปากให้เป็นประโยชน์ มันก็ยิ้ม ส่วนผมลูกแม่ค้าส้มบางมด ผมคงไม่ต้องบอกว่าปากผมนั้นเป็นเอก แต่ยกไว้ว่าผมจะไม่คุยกับวิรัญดาของไอ้ไฝโดยเด็ดขาด วันหนึ่งผมเห็นวิรัญดาเล่นเป่ายิ๊งฉุบกับเพื่อนเวลาคอยคิวขึ้นเรือผมเห็นโอกาสไม่ปล่อยให้มันลอยไป ผมเข้าไปขอประลองบ้าง ผมชนะแต่ผมบอกว่ามีเพื่อนผมเก่งกว่าผมอีกหนึ่งคน พรุ่งนี้ผมจะชวนมา ทั้งๆที่ไอ้ไฝก็ยืนอยู่ตรงนั้น จากวันนั้นเป็นต้นมานี่ก็ล่วงเลยมา 45 ปีแล้ว ไอ้ไฝและวิรัญดา ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกัน จบออกมาแล้วแต่งงานกัน จนกระทั่งทุกวันนี้ที่มันมีเมียได้ก็เพราะเป่ายิ๊งฉุบนี้เอง คุณรู้ไหมว่าไอ้ไฝที่ไม่เคยแพ้ใครมันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้วิรัญดา เธอจะมายืนรอมันทุกวันที่ท่าเรือ หรือเวลาขึ้นเรือมาด้วยกันก็จะเล่นกันมาตลอด คุณอย่าคิดว่าการพนันสำหรับเด็กๆไม่สำคัญมันสำคัญมากสำหรับพวกผม ว่าใครจะเป็นคนเก่งที่สุด เที่ยงนี้ใครจะต้องเลี้ยงข้าว ใครจะต้องกวาดห้องเรียน ใครต้องลบกระดานแทน จนทุกวันนี้พวกผมเจอกันยังเล่นเป่ายิ๊งฉุบอยู่เลย
วิรัญดาบอกไอ้ไฝว่า มาเป่ายิ๊งฉุบกัน ใครชนะต้องขับรถ ไอ้ไฝต้องขับรถทุกทีผมก็ไม่รู้ว่ามันรักเมียหรือมันไม่ยอมคนกันแน่ นี่แหละครับการพนันในสมัยผม พนันจนได้เมีย